เมนูไฮไลท์สตาร์บัค เมนูพิเศษประจำเทศกาลคริสต์มาส บ่งบอกได้ถึงผลประกอบการของ Starbucks
เมนูไฮไลท์สตาร์บัค Starbucks ที่เป็นร้านกาแฟชื่อดังมีหลายสาขาทั่วโลก เป็นที่ทราบกันดีว่านอกจากรสชาติ จะได้มาตรฐานแล้ว กลยุทธ์การตลาดก็เฉียบแหลมไม่แพ้กัน ทำให้ดึงดูดลูกค้าได้ทุกเพศทุกวัย เดินเข้ามาซื้อสินค้าได้ตลอดทั้งปี ซึ่งในช่วงเวลาที่สามารถเรียกผู้คน เข้ามาใช้บริการได้มาก นั่นคือเทศกาลที่เป็นเหมือน การเฉลิมฉลองอย่างคริสต์มาสนั่นเอง
โดยพอกล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว บรรดาลูกค้าประจำจะต้องคิดถึงเมนู Toffee Nut Latte หรือ Peppermint Mocha คู่กับแก้วที่มีรูปแบบคริสต์มาส ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่จะมีจำหน่ายเพียงช่วงเทศกาลนี้เท่านั้น เมนูพิเศษดังกล่าวนี้ นั่นจะเป็นเมนูช่วงเทศกาล
เพราะมีวางจำหน่ายเพียงช่วงเวลาที่กำหนด อย่างเช่น เทศกาลฮาโลวีน หรือเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งการที่กำหนดช่วงเวลาไม่นานนั้น จึงทำให้เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้คน ไม่ลังเลที่จะซื้อสินค้าได้อย่างไม่ยากนัก
และทำให้ Starbucks มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เมนูที่เป็นพูดถึงกัน Pumpkin Spice Latte เมนูสตาร์บัค 2021 ราคา หรือลูกค้านิยมเรียกในชื่อย่อว่า “PSL” เครื่องดื่มยอดนิยม เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงของ Starbucks โดยส่วนมากเริ่มวางจำหน่าย ในช่วงวันแรงงานของประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยเครื่องดื่มนี้มีที่มาที่ไป จากขนมพายฟักทอง เมนูสตาร์บัค nct นั่นคือการเอาผงฟักทองและอบเชย มาเป็นวัตถุดิบอยู่ในเมนูนี้ด้วย โดยเมนู Pumpkin Spice Latte ออกวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 2004 บรรดาลูกค้าต่างชื่นชอบ เมนูสตาร์บัค ช็อคโกแลต และต่างพูดถึงกันเป็นวงกว้าง เกิดเป็นแฮชแท็ก #PSL ในทวีตเตอร์สูงถึง 4,000 ครั้งต่อวัน
อีกทั้งสร้างยอดขายได้มากกว่า 300 ล้านแก้วตลอดเทศกาล แม้ว่าทาง Starbucks ไม่ได้ออกมาพูดถึงยอดขายของเมนูนี้ แต่เมื่อปี 2016 Forbes ได้คาดการณ์ว่า Starbucks เกิดยอดขายจากเครื่องดื่มนี้สูงถึง 3,500 ล้านบาทเลยทีเดียว อีกทั้งยังได้รับการขนานนาม ให้เป็นเมนูประจำเทศกาล
ที่สามารถสร้างยอดขายได้มากที่สุด ตั้งแต่มีการก่อตั้งร้านกาแฟมา ซึ่งหนึ่งในช่วงเวลาที่บรรดาสาวกร้านกาแฟชื่อดังระดับโลก ตั้งตารออยู่ทุก ๆ ปีไม่แพ้กัน นั่นก็คือ เทศกาลคริสต์มาสนั่นเอง
ไม่เพียง Starbucks ที่วางจำหน่ายเมนูเครื่องดื่มและเบเกอรีต้อนรับเทศกาลแล้ว ส่วนของแก้วกระดาษ ก็ยังเป็นลวดลายคริสต์มาส อีกทั้งพนักงานทั้งหมดได้ใส่ผ้ากันเปื้อน เดิมที่เป็นสีเขียวเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยเช่นกัน
เรียกได้ว่าสิ่งเหล่านี้ เป็นสัญลักษณ์ที่ส่งผลให้ลูกค้า มีความรู้สึกว่า เทศกาลคริสต์มาส ได้เริ่มขึ้นขึ้นแล้ว ซึ่งทาง Starbucks ได้วางจำหน่ายเมนูพิเศษที่เกิดขึ้น
ในเทศกาลคริสต์มาสครั้งแรก เมนูใหม่สตาร์บัค เมื่อปี 1987 นั่นก็คือ เมนู Eggnog Latte และหลังจาก 10 ปีต่อมา ได้เปลี่ยนเป็นแก้วสีแดง เพราะจะได้เข้ากับเทศกาลมากขึ้น เรียกได้ว่า ตลอดระยะเวลา 36 ปีที่เมนู Eggnog Latte มีการวางจำหน่าย เมนูคริสต์มาสได้มีการสลับเมนูหมุนเวียน ทั้งที่มีอยู่แล้วกับคิดขึ้นมาใหม่
และเป็นที่ทราบกันดีว่า ได้ทั้งกระแสบวกและกระแสลบปนกันไป ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ใช่ว่าเพียงคิดค้นเมนูใหม่ และปรับภาชนะต่าง ๆ ให้เข้ากับช่วงเวลาเทศกาลนั้น ๆ ที่จะดึงดูดผู้คนให้หันมาสนใจได้
ซึ่งการที่เมนูได้วางจำหน่ายนั้น เมนูสตาร์บัค ราคา ไม่ได้ทำให้ลูกค้ารู้สึกพึงพอใจได้จริง ๆ ร้านกาแฟก็อาจจะได้รับผลกระทบเอง อย่างเช่นเหตุการณ์ที่ Starbucks มียอดขายที่เรียกได้ว่าไม่ค่อยดีนักในช่วงเทศกาลคริสต์มาส เมื่อปี 2017
ซึ่งในยุคนี้ เมนูสตาร์บัค แนะนํา 2021 ถ้าสอบถามลูกค้าส่วนใหญ่ ให้คะแนนนิยมเมนูเทศกาลดังกล่าว จะเป็นพวกเมนู Peppermint Mocha Toffee Nut Latte และ Caramel Brulée Latte ซึ่งได้วางจำหน่ายมานานหลายปี
เมื่อปี 2018 ทางร้าน Starbucks ได้เกิดความคิดอยากพัฒนาใหม่ จึงได้ออกเมนู Fruitcake Frappuccino และ Juniper Latte มาวางจำหน่ายที่ร้าน แต่ก็ผิดคาดเพราะกลายเป็นว่าทั้ง 2 เมนูนี้ ทำให้ลูกค้าที่เฝ้ารอ เมนูพิเศษนี้ต่างผิดหวัง
อีกทั้งยังมีรสชาติที่ไม่ค่อยจะถูกปาก ถึงขั้นที่ว่าลูกค้าส่วนใหญ่ ลงความเห็นว่าคือเมนูประจำเทศกาลที่ไม่ประทับใจ ส่งผลให้ยอดขายในสามเดือนแรกในปี 2018 ของ Starbucks ลดลงอย่างต่อเนื่อง
โดยเหตุการณ์นี้ได้มีการออกมาเปิดเผยจาก CEO ของบริษัท เมนู ส ตา ร์ บั ค ตาม NCT นั่นสืบเนื่องมาจากเมนูช่วงเทศกาล ที่ได้กระแสตอบรับที่ไม่ดีนัก และเป็นไปตามคาดการณ์ไว้ พอถึงเทศกาลได้วนกลับมาอีกครั้ง ทาง Starbucks ได้แก้ไขสถานการณ์
ด้วยการยกเอาเมนูในดวงใจผู้คนเช่น Chocolate Mocha, Eggnog Latte และ Peppermint Mocha มาวางจำหน่าย ซึ่งการแก้ไขสถานการณ์รอบนี้ สามารถดึงยอดขายของ Starbucks ให้เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
ซึ่งในสามปีแรกในปี 2019 ยอดขายสุทธิมากถึง 2.4 แสนล้านบาท ถ้าหากดูเพียงแค่ยอดขายจาก ในทวีปอเมริกาเหนือนั้นสูงถึง 1.7 แสนล้านบาท พูดได้ว่าทุบสถิติรายได้ตั้งแต่มีมาเลยทีเดียว ทั้งนี้เป็นผลพวงจากรายได้ของกิฟต์การ์ด
อีกทั้งยอดขายจากลูกค้าต่อใบเสร็จนั้นมากขึ้น และหากได้พิจารณาดูดี ๆ จะเห็นได้ว่าส่วนหนึ่งมาจาก บรรดาเมนูพิเศษประจำเทศกาลนั่นเอง ไม่ใช่เพียงเมนูเครื่องดื่มพิเศษต่าง ๆ แล้ว
รูปลักษณ์ของแก้วยังมีผล ต่อความรู้สึกลูกค้าเหมือนกัน ซึ่งในเทศกาลคริสต์มาส ทาง Starbucks จะมีการคิดค้นลวดลาย ให้เป็นการต้อนรับวันคริสต์มาส และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาล
เช่นในปี 2019 ทาง Starbucks มีการคิดค้นสร้างจุดสนใจ นั่นคือเปลี่ยนจากแก้วปกติ นำแก้ว Reused มาใช้แทน โดยนำมามอบให้กับลูกค้าที่ซื้อเมนูคริสต์มาสฟรีทุกวันศุกร์ ไม่เพียงเท่านั้นลูกค้าเอาแก้ว ที่แจกกลับมาใช้ซ้ำ ทางร้านจะให้ส่วนลดจำนวน 30 บาท ในครั้งถัดไป
โดยหลังจากที่มีโปรโมชั่นนี้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที สินค้าขายหมดทันทีทุกสาขา อีกทั้งกลายเป็นของที่หายาก ซึ่งเหล่าสาวกพากันอยากได้ ซึ่งนอกจากเมนูประจำเทศกาลแล้ว ทาง Starbucks ได้ออกเมนูต่าง ๆ ขึ้นมาวางจำหน่ายในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งยังทำยอดขายได้ดี ให้กับร้านค้าได้อย่างดี
และเมื่อในปี 2021 ทาง Starbucks มีการทำงานร่วมกับนักร้องสาว เทย์เลอร์ สวิฟต์ ในการโปรโมตผลงานเพลง ชื่อว่า Red (Taylor’s Version) อีกทั้งมีเมนู “Taylor’s Version” ซึ่งแท้จริงแล้ว เมนูนี้ไม่ได้มีความแปลกใหม่เท่าไหร่นัก เพียงใช้ Caramel Nonfat Latte นั่นคือเมนูที่นักร้องสาวชื่นชอบ
สิ่งที่สำคัญคือ แม้เมนูดังกล่าวคือเครื่องดื่ม มีอยู่ตามเมนูทั่วไปของทางร้านอยู่แล้ว แค่เพียงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Taylor’s Version อีกทั้งยังมีเพลงใหม่ของนักร้องสาวที่กำลังได้รับความนิยม อีกทั้งบรรดาแฟนคลับ ให้การตอบรับที่ดีกับเพลงมาก ๆ
ถือได้ว่าคือส่วนหนึ่งที่สามารถ สร้างรายได้ให้กับ Starbucks ทั้งที่ไม่ต้องเพิ่มต้นทุน หรือเพิ่มงานให้กับพนักงานเลยสักนิด ถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์ และได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายเลยทีเดียว
จนถึงตอนนี้คิดว่าหลายคน น่าจะอยากเดินทางไปที่ Starbucks เพื่อลิ้มลองเมนูดังกล่าว หรือบางคนคงกำลังดื่มเมนูพิเศษ ประจำเทศกาลอยู่พอดี ไม่ว่ายังไงก็ตาม หลายคนนั้นก็คือได้ตกเป็นทาส ของการตลาดที่เฉียบแหลมของ Starbucks เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เรียบเรียงโดย อลิส