การเรียน 4 .0 เรียนรู้และพัฒนาตนจัดเป็นกระบวนการ ของการจัดการกระบวนการเรียนรู้ที่ดี
การเรียน 4 .0 สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่น่ารัก วันนี้เป็นอย่างไรบ้างครับ ดูเหมือนช่วงนี้ฝนตกบ่อยนะครับ ระวังและรักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ ด้วยความห่วงใยจากใจจริง
วันนี้ผมอยากชวนผู้อ่าน มาอ่านเรื่องการเรียน กันนิดหนึ่งนะครับ ดูเนื้อหาแล้วสงสัยจะเครียด ไม่เอาไม่เครียด เรามาทำให้เป็นเรื่องน่ารู้ และเก็บไว้เป็นความรู้ ถ้ามีโอกาส ที่จะได้เผยแพร่ ก็จะได้จัดไป
ผมมีความคิดว่า ถ้าเราเรื่องที่ดีอยู่ในหัว แล้วเราบอกต่อออกไป จะหมายถึงว่า เราได้ทำเรื่องดีไปแล้ว และเรื่องดีนั้น จะกลายเป็น เรื่องที่ดีของกลุ่มชุมชน ของกลุ่มสังคม ของกลุ่มประเทศต่อไป
พอคิดมาถึงเรื่องเหล่านี้ ล้วนอยู่ในเรื่อง การเรียนนะครับ ผมว่าเป็นเรื่องน่าคิด และน่าใส่ใจกันบ้าง ฉะนั้นหัวข้อของวันนี้ จะก่อให้เกิด learning ในชีวิตของคนเราไปด้วย จัดว่าเป็นเรื่องดีนะครับ
แต่ก่อนที่เราจะมาอ่านว่า การเรียน 4 .0 นี้เป็นอย่างไรนั้น เราลองมาดูวิวัฒนาการ ตั้งเริ่มแรกว่า เขาจัดลำดับจากเริ่มต้น และมาถึงตอนนี้ ไว้อย่างไรบ้าง และแต่ละช่วงเวลา มีเนื้อหาอย่างไรบ้าง
การเรียน 4 .0 การแบ่งช่วงของการเรียน ของการศึกษาไทย ที่จัดไว้ในระบบการศึกษา
เรามาพูดถึง การเรียน1.0-2.0 เพื่อเราจะได้ดู พัฒนาการของการเรียน ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
การเรียนรูปแบบที่1.0 เป็นระบบการเรียนรู้ทางเดียว คือนักเรียนไปเรียนที่โรงเรียน เพราะมีความคาดหวัง ที่จะได้รับความรู้จากครู สื่อหรือวิธีการ อาจเป็นทั้งทำด้วยมือ หรืออาจจะทันสมัย แต่วิธีการเรียนรู้ทั้งหมดนั้น เกิดมาจากการจัดการที่ครูจัดไว้ให้ เป็นการเรียนรู้ที่อยู่ในกรอบที่วางไว้
ส่วนการเรียนแบบที่2.0 มีการเรียนรู้ ที่ผ่านปฏิสัมพันธ์ ของบุคคลที่สัมพันธ์กัน อาทิเช่น ระหว่างครูกับนักเรียน , ระหว่างนักเรียนกับนักเรียน, และระหว่างนักเรียนกับเนื้อหา/ผู้ชำนาญ
ผู้บริหารโรงเรียนบางแห่ง หรือนักการศึกษา จึงคิดจะใช้ วิธีการแบบร่วมมือ , การใช้โครงการการเรียนรู้ทั้งหลาย การใช้โปรแกรมสำเร็จรูป อย่างเช่น Skype , Facebook , Messanger ในห้องเรียน , บางเว็บไซต์ทางการสืบค้น และการนำเครือข่าย ทางสังคมมาใช้ในชั้นเรียน
เมื่อได้พัฒนา การเรียนการสอน จากแบบดั้งเดิม มีการส่งต่อ และการเข้าถึงรูปแบบ ที่นำสมัยขึ้นจะเป็นอย่างไร
การเรียนในรูปแบบที่3.0 เป็นสิ่งที่ได้จาก เนื้อหาที่มาจาก ความเชื่อที่เป็นอิสระ การหาเนื้อหาจากการตอบโจทย์ เป็นการเรียนรู้จากความสนใจ เรียนรู้ด้วยตนเอง จัดวิธีการสอน เพื่อให้เป็นการแก้ปัญหา , การสร้างนวัตกรรม , และความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ขับเคลื่อน การเรียนรู้ทั้งระบบ
สิ่งที่ใช้ในการขับเคลื่อน การเรียนแบบที่3.0 คือการเรียนที่ข้ามวัฒนธรรม ข้ามสถาบันและชุมชน ส่วนทางสถาบัน , นโยบาย, และกลยุทธ์ ได้มีการปรับเปลี่ยน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการ และให้โอกาสกับผู้ที่ต้องการเน้นเรื่องที่สนใจ
มีข้อสรุปได้ว่า อุปกรณ์ของการเรียนแบบ 3.0 มีอยู่มากมาย แต่ไม่กล้าจัดการเรียนการสอน ในเรื่องวางแผนหรือ เติมเต็มความคิด , การใช้เครื่องมือ , หรือกลยุทธ์ในเรียนต่าง ๆ มีการใช้แบบสับสน
การก้าวข้ามมาจนถึงตอนนี้ การเรียนการสอนในยุคดิจิทัล และการนำไปใช้อย่างเหมาะสม
ในระบบการเรียนรูปแบบ การเรียน4-0 ได้เกิดมาจาก การพัฒนาทางเทคโนโลยี และการใช้อินเทอร์เน็ต ผู้เรียนใช้วิธีการเข้าถึง เรื่องที่ต้องการเรียนรู้ จะมีการสืบค้น จากข้อมูลออนไลน์ จากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากคำแนะนำของครู
เมื่อเปรียบเทียบกับ การเรียนการสอน ในรูปแบบเดิม (ซึ่งบางสถาบันก็ยังใช้อยู่) ผู้เรียนจะต้องเข้าห้องเรียน มีการเช็กชื่อ เรียนกับอาจารย์ ใช้สื่อการเรียนที่เป็นหนังสือ ต้องเขียนงานลงสมุด และการเขียนกระดาน
เมื่ออินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยีต่างๆ ได้มีการพัฒนา ประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้มีสถาบันหรือโรงเรียน นำมาปรับการเรียนการสอน ให้เกิดความทันสมัยมากยิ่งขึ้น มองโดยรวมคือ เป็นการผสมรวม
มีใครสงสัยแบบ ผมไหมครับว่า การเรียน4-0 ที่พัฒนามาจาก 1.0 เกิดมาจากอะไร ลองมาดูกันครับ
ความหมายหรือที่มาของ การเรียน4-0 เท้าความมาจาก ลำดับการพัฒนา อุตสาหกรรมในครั้งที่ 4 ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2000 จนถึงตอนนี้ นั่นจึงหมายถึง เป็น การพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ทำไมต้องมีการเปลี่ยนแปลงการศึกษา นั่นคือการพัฒนา การเรียนการสอน เพื่อให้สอดคล้องกับ การพัฒนาอุตสาหกรรม เพราะมีการใช้เครื่อง และระบบอินเทอร์เน็ต ในการดำเนินกิจการ ของอุตสาหกรรม
การเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษา ส่งผลหลายอย่างมีดังนี้
เรื่องที่หนึ่งคือ ห้องเรียนอัจฉริยะ มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย และซึ่งสามารถช่วยให้ นักเรียนได้เห็นภาพง่าย หรือเข้าใจเรื่องที่เข้าใจยากได้ง่ายขึ้น
เรื่องที่สองคือ ระบบ E-learning และการทดสอบ Online นักเรียนสามารถเรียนรู้จาก แอปพลิเคชัน หรือ E-book หรือทำแบบทดสอบย่อย จากอินเทอร์เน็ตได้เลย
เรื่องที่สามคือ บุคลากรทางการศึกษา มีการปรับตัว มีการวางแผน ใช้เทคโนโลยีมาประกอบ เพื่อพัฒนารูปแบบ การเรียนการสอน ที่สามารถสอดแทรก สื่อหรือสิ่งที่เป็นคำตอบ ที่จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจได้ง่ายขึ้น
เรื่องที่สี่คือ นักเรียน นักศึกษา รวมถึงคนทั่วไป ใช้เพื่อประกอบในการสืบค้น ทำงานและชิ้นงาน ที่ได้รับมอบหมาย มีตัวอย่างหรือคำตอบ ที่มีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น
เป็นที่แน่นอนว่า การเรียนการสอนยุค 4.0 ทำให้เกิดผลดี การมีเทคโนโลยี เป็นตัวช่วยให้ ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ ด้วยตนเองได้ง่าย และการเข้าถึงได้ตลอดเวลา ใช้ได้ในทุกหนทุกแห่ง เรียนรู้ได้ไม่สิ้นสุด และอัปเดตตลอดเวลา
และย่อมมีข้อไม่ดี ของการเรียนการสอนยุค 4.0 ส่งผลให้กับ ผู้เรียนตั้งใจเรียนน้อยลง มีปัญหาทางด้านเทคนิค การติดต่อสื่อสาร ไม่มีประสิทธิภาพ
การเรียนของพวกเรา มีการผสมผสาน จากรูปแบบการเรียน1.0 – การเรียน4-0 ผมก็ไม่มั่นใจว่า การเรียนการสอน ที่มีพัฒนาการ ไปตาม การพัฒนาอุตสาหกรรม จะช่วยยกระดับหรือการแก้ปัญหา ที่เกิดขึ้นในสังคม หรือชุมชนได้หรือไม่
เป็นเรื่องยากจริงครับ ผมก็เคยนั่ง คิดถึงเรื่องนี้ ในความคิดของผมนะครับ ผมอาจจะทำ ให้ผู้อ่านเครียด มากขึ้นไปอีกหรือเปล่านะ ผมก็ยังแอบหวังว่า การศึกษารุ่นใหม่ หรือรูปแบบที่เรานำมาใช้นี้ ได้มีการทดสอบว่า จะทำให้การเรียนการสอน มีประสิทธิภาพได้ดี
อย่างไรก็ตาม การเรียน4-0ได้พัฒนามาแล้ว คนไทยทุกคน ได้สัมผัสไปแล้ว และได้รับรู้แล้วว่า บางครั้งก็ตอบโจทย์ ก็คือรับรู้ถึงความสะดวก แต่ถ้าในเป็น ในแง่ของการไม่ตอบโจทย์ ก็คือเวลาเราใช้แล้ว จะเห็นได้ว่ากระบวนการนั้น ยากต่อการเข้าใจ
ส่งท้ายนี้แล้ว ผมอยากฝากให้ คิดว่าการเรียน4-0 นี้ จะปรับไปทางใดก็ตาม ถ้าใจเราพร้อม ที่จะพัฒนา แม้ว่าสิ่งนั้นจะยาก เราก็จะกำจัด ปัญหานั้นได้ วันนี้สวัสดีครับ
เขียนโดย FateNama